ผู้ปกครอง

แผ่นดินไหวจบแล้ว…ทำไมยังเวียนหัวอยู่?

post earthquake

รับมือกับอาการหลังแผ่นดินไหว อาการเวียนหัวหลังจากแผ่นดินไหวยุติแล้ว เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับหลายคน และมีชื่อเรียกทางการว่า “Earthquake sickness” หรือ “post-earthquake dizziness” คล้ายกับอาการเมาเรือ (motion sickness) ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายยังรู้สึกเหมือนเคลื่อนไหว ทั้งที่แผ่นดินหยุดไหวไปแล้ว สาเหตุที่อาจทำให้เวียนหัวหลังแผ่นดินไหว เช่น ระบบประสาทรับความรู้สึกเสียสมดุล – หูชั้นใน (ระบบทรงตัว) ยังคงสับสนจากการเคลื่อนไหวที่ไม่คงที่ ความเครียดหรือความตกใจ – ร่างกายอาจยังหลั่งสารอะดรีนาลีน ทำให้มีอาการเหมือนจะเป็นลม ใจสั่น หรือเวียนหัว หลอนจากประสบการณ์แผ่นดินไหว – สมองยังจำการเคลื่อนไหว และ “รู้สึก” ว่าพื้นยังไหว ทั้งที่มันหยุดไปแล้ว ควรทำยังไงดี? พยายามนั่งหรือนอนพักในที่สงบ หายใจลึกๆ ช้าๆ ดื่มน้ำเปล่า หลีกเลี่ยงกาแฟหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถ้าอยู่ในที่สูงหรือรู้สึกโคลงเคลง ลองมองวัตถุที่นิ่ง เช่น ผนังหรือเสา เพื่อช่วยให้สมองปรับการทรงตัว ถ้าเวียนหัวมาก หรือมีอาการร่วมอื่น เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เดินเซ ตาพร่า — ควรพบแพทย์ หากอยากบอกเพิ่มเติมว่าเวียนหัวมานานแค่ไหน […]

แผ่นดินไหวจบแล้ว…ทำไมยังเวียนหัวอยู่? Read More »

สอนวิธีรับมือแผ่นดินไหว ให้เด็กๆ อย่างไรดี

earthquake

การเตรียมตัว จะช่วยให้เรารับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขี้นได้ดี การสอนเด็กให้รับมือกับแผ่นดินไหวควรใช้วิธีที่เข้าใจง่าย สนุก และให้เด็กจดจำได้ดี ลองทำตามวิธีนี้ดูนะ 🔹 1. อธิบายให้เข้าใจว่าแผ่นดินไหวคืออะไร ใช้คำง่ายๆ เช่น “แผ่นดินไหวคือเวลาที่พื้นสั่นเหมือนตอนเราสั่นโต๊ะหรือกระโดดบนเตียง” อาจใช้วิดีโอหรือแอนิเมชันช่วยอธิบาย 🔹 2. สอนหลัก “หมอบ-กำบัง-ยึดเกาะ” (Drop, Cover, and Hold On) 💡 ทำให้เป็นเกมหรือกิจกรรมสนุกๆ เช่น “หมอบ”: ให้เด็กลองหมอบลงกับพื้นเร็วๆ “กำบัง”: ให้คลานเข้าไปใต้โต๊ะหรือเฟอร์นิเจอร์แข็งแรง “ยึดเกาะ”: จับขาโต๊ะหรือของแข็งไว้แน่นๆ 🔸 ถ้าอยู่กลางแจ้ง: บอกให้เด็กอยู่ห่างจากต้นไม้ เสาไฟ หรืออาคาร และหมอบลงกำบังหัว 🔸 ถ้าอยู่ในรถ: บอกให้เด็กคาดเข็มขัดนิรภัยและให้ผู้ใหญ่หยุดรถในที่ปลอดภัย 🔹 3. ฝึกซ้อมบ่อยๆ จำลองเหตุการณ์ เช่น มีเสียงเตือนภัยแล้วให้เด็กปฏิบัติตาม “หมอบ-กำบัง-ยึดเกาะ” แข่งขันกันว่าใครซ่อนตัวได้เร็วและปลอดภัยที่สุด 🔹 4. ทำ “กระเป๋าฉุกเฉิน” ร่วมกัน ให้เด็กช่วยเตรียมกระเป๋าฉุกเฉิน เช่น

สอนวิธีรับมือแผ่นดินไหว ให้เด็กๆ อย่างไรดี Read More »

ฝึกลูกยังไงให้สื่อสารความต้องการเก่งขึ้น?

communication

ทักษะการสื่อสารสามารถฝึกฝนได้ การฝึกลูกให้สื่อสารความต้องการเก่งขึ้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและความเข้าใจในพัฒนาการของเด็ก โดยสามารถทำได้หลายวิธีที่ช่วยเสริมทักษะการสื่อสารให้กับลูก เช่น ฝึกการฟังและการตอบสนอง สอนลูกให้รู้จักการฟังและตอบสนอง โดยการให้ลูกมีส่วนร่วมในการสนทนา เช่น เมื่อพูดคุยกับลูกควรให้เวลาพูดและไม่รีบตอบแทนลูก เพื่อให้ลูกมีโอกาสฝึกการแสดงออกอย่างเต็มที่ ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ใช้ภาษาที่เหมาะสมกับวัยของลูก โดยเลือกใช้คำที่ง่ายและตรงไปตรงมา เช่น ถามคำถามที่กระชับและชัดเจน เพื่อให้ลูกเข้าใจได้ง่าย สร้างสถานการณ์จำลอง สร้างสถานการณ์จำลองที่ลูกจะต้องใช้ทักษะการสื่อสาร เช่น การเล่นบทบาทสมมติ เช่น “หากลูกต้องการน้ำ ลูกจะพูดอย่างไร?” ซึ่งช่วยให้ลูกฝึกพูดออกมาอย่างมั่นใจ สนับสนุนการใช้คำพูดที่หลากหลาย สอนให้ลูกเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ และใช้อย่างสม่ำเสมอในการสื่อสาร เช่น ถ้าลูกใช้คำว่า “หิว” ลองแนะนำให้ใช้คำว่า “อยากทานข้าว” หรือ “ท้องว่าง” เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการใช้ภาษา เป็นแบบอย่างที่ดี เด็กมักจะเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ใหญ่ ดังนั้น การพูดคุยอย่างมีประสิทธิภาพและการแสดงออกทางคำพูดที่ดีจะช่วยให้ลูกเรียนรู้และใช้ทักษะนี้ได้เช่นกัน สร้างโอกาสในการพูดคุย ให้ลูกมีโอกาสพูดคุยกับคนอื่นๆ เช่น เพื่อนในโรงเรียน หรือครู เพื่อให้ลูกได้ฝึกการสื่อสารในสถานการณ์ที่หลากหลาย การฝึกให้ลูกสามารถสื่อสารความต้องการได้ดีขึ้น จะต้องมีการสนับสนุนจากผู้ใหญ่และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเพื่อให้ลูกสามารถเรียนรู้และพัฒนาทักษะเหล่านี้ได้อย่างต่อเนื่องค่ะ สนใจเรียนวิชาการ ภาษา ศิลปะ ดนตรี กีฬา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 061-9542244 หรือ

ฝึกลูกยังไงให้สื่อสารความต้องการเก่งขึ้น? Read More »

เด็กไม่ทำการบ้าน พ่อแม่ควรทำอย่างไรดี?

homework

ถ้าเด็กไม่ยอมทำการบ้าน นี่คือแนวทางที่อาจช่วยได้ หาสาเหตุที่แท้จริง: ลองพูดคุยกับเด็กเพื่อหาว่าทำไมถึงไม่ยอมทำการบ้าน บางครั้งอาจจะเป็นเพราะไม่เข้าใจบทเรียน หรือรู้สึกเครียดจากการทำการบ้านมากเกินไป สร้างสภาพแวดล้อมที่ดี: พยายามจัดให้มีมุมการเรียนที่เงียบสงบและไม่มีสิ่งรบกวน ช่วยให้เด็กมีสมาธิในการทำการบ้าน แบ่งเวลาให้เหมาะสม: แนะนำให้เด็กแบ่งเวลาอย่างมีระเบียบ เช่น การทำการบ้าน 30 นาที แล้วพัก 5-10 นาที เพื่อไม่ให้รู้สึกเบื่อหน่าย ให้กำลังใจ: ส่งเสริมให้เด็กทำการบ้านด้วยการชมเชยเมื่อทำสำเร็จ หรือให้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ เพื่อกระตุ้นให้รู้สึกดีที่ทำสำเร็จ ให้ความช่วยเหลือ: ถ้าเด็กไม่เข้าใจการบ้าน ลองให้ความช่วยเหลือ หรือแนะนำแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมที่สามารถช่วยให้เด็กเข้าใจได้ดีขึ้น สร้างความสัมพันธ์ที่ดี: การสื่อสารที่ดีระหว่างผู้ปกครองและเด็กเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าพูดคุยได้ดี เด็กจะเปิดใจมากขึ้น คุณคิดว่าปัญหาหลักที่ทำให้เด็กไม่ทำการบ้านคืออะไร? มาแชร์กันได้นะคะ ^^ สนใจเรียนวิชาการ ภาษา ศิลปะ ดนตรี กีฬา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 061-9542244 หรือ 089-6792835 Line : @thailandcoursehub  Class at home in Bangkok บทความที่น่าสนใจ ลูกโดนครูดุจนขาดความมั่นใจ พ่อแม่ควรทำอย่างไรดี? ลูกโดนครูดุจนขาดความมั่นใจ

เด็กไม่ทำการบ้าน พ่อแม่ควรทำอย่างไรดี? Read More »

เมื่อลูกนิสัยไม่ดี หรือจริงๆ มาจากเรา?

children behaviors

พ่อแม่ ผู้ปกครอง มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมเด็ก หลายๆ ครั้งที่คุณพ่อคุณแม่ เมื่อมีลูก แล้วเจอกับพฤติกรรมของเด็กๆ ที่ไม่สมควร ซึ่งเรามักจะสงสัยว่า “ทำไมเด็กถึงมีพฤติกรรมเหล่านี้” “ไปเลียนแบบใครมา” “ทำไมไม่ฟังที่สอนเลย” และข้อสงสัยเหล่านั้นอาจถูกจัดการด้วยการดุ ตักเตือนเป็นส่วนใหญ่ แต่หากมองให้ลึกลงไปถึงที่มาที่ไป เหตุและผล ที่เด็กๆ แสดงออกแบบนั้น เราอาจเห็นคำตอบที่แท้จริง ว่าหลายๆ ครั้ง พฤติกรรมเหล่านั้น อาจมาจาก “เราเอง” เพราะเราคือคนที่ใกล้ชิดกับลูกที่สุด และมีอิทธิพลต่อเด็กๆ มาก โดยเฉพาะช่วงปฐมวัย เด็กๆ จะมีการซึมซับและเลียนแบบ โดยมากก็มักจะเลียนแบบจากคนข้างๆ ซึ่งบางที เราอาจทำอะไรที่ไม่รู้ตัวออกไปและทำให้เด็กเก็บไปเลียนแบบ เช่น บางครั้งเราอาจเกิดคำถามว่า ทำไมเด็กๆ ถึงไม่ฟังที่เราสอนเลย เราอาจเริ่มต้นการสอนให้เขาฟังเรา ด้วยการ “รับฟังเขาก่อน” เป็นตัวอย่างที่ดี เพื่อให้เขาเลียนแบบและจดจำว่า การรับฟังเป็นเรื่องที่ควรจะเกิดขึ้น หรือหลายครั้งที่เราอาจเผลอตีลูก เป็นการลงโทษ โดยไม่ตั้งใจ ก็อาจทำให้เด็กๆ รู้สึกว่า ความเจ็บเป็นเรื่องปกติและอาจนำไปต่อยอดพฤติกรรมรุนแรงที่ทำให้คนอื่นเจ็บได้เหมือนกับที่ตัวเองโดนนั่นเองค่ะ เพราะฉะนั้นช่วงวัยเด็กเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนอย่างมาก เราจึงต้องตั้งใจปรับตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดี เพื่อการสอนเด็กๆ ของเรา ให้เขาเห็นเป็นต้นแบบ และเติบโตขึ้นอย่างดีในอนาคตนั่นเองค่ะ

เมื่อลูกนิสัยไม่ดี หรือจริงๆ มาจากเรา? Read More »