Author name: admin

เริ่มต้นวันละหน้า…สร้างนักอ่านตัวน้อยในทุกๆ วัน

reading books

มาสร้างนิสัยรักการอ่านให้ลูกๆ กันเถอะ ในยุคที่หน้าจอเข้ามาอยู่ใกล้ตัวเด็กๆ มากกว่าหนังสือ การสร้าง “นิสัยรักการอ่าน” อาจดูเป็นเรื่องยาก แต่ความจริงแล้ว พ่อแม่สามารถปลูกฝังได้ง่ายๆ เพียงใช้เวลา อ่านหนังสือให้ลูกฟัง วันละหน้า ความเล็กน้อยนี้อาจกลายเป็นก้าวสำคัญที่จะสร้างนักอ่านตัวน้อยที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ ทำไมการอ่านให้ลูกฟังจึงสำคัญ การอ่านไม่ใช่เพียงการส่งต่อข้อมูลหรือเนื้อหาในหนังสือ แต่คือ “เวลาคุณภาพ” ที่พ่อแม่มอบให้ลูก ทุกครั้งที่พ่อแม่อ่านออกเสียง ลูกไม่เพียงได้ฟังเรื่องราว แต่ยังสัมผัสถึงน้ำเสียง ความอบอุ่น และความใส่ใจ สิ่งนี้ช่วยเสริมสายใยความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ประโยชน์ที่ลูกจะได้รับจากการอ่านหนังสือ พัฒนาทักษะทางภาษา – เด็กที่ได้ฟังการอ่านอย่างสม่ำเสมอจะซึมซับคำศัพท์ น้ำเสียง และโครงสร้างประโยคได้ดีกว่า จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ – นิทานหรือเรื่องราวต่างๆ เปิดประตูสู่โลกกว้าง ช่วยให้เด็กเห็นภาพและสร้างเรื่องราวต่อยอดในหัวใจของตนเอง สมาธิและการฟัง – การฟังเรื่องราวจนจบช่วยให้เด็กมีความอดทนและสมาธิมากขึ้น ความใกล้ชิดในครอบครัว – เวลาแห่งการอ่านคือช่วงที่พ่อแม่และลูกได้หยุดจากความวุ่นวาย แล้วใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างแท้จริง ตัวอย่างเล็กๆ ที่ทำได้ทุกวัน ก่อนนอน ใช้เวลาเพียง 10 นาที อ่านนิทานสั้นๆ ให้ลูกฟัง ตอนเช้า เลือกอ่านกลอนสั้นๆ หรือบทสนุกๆ ระหว่างทานอาหารเช้า ให้ลูกเลือกหนังสือเองบ้าง […]

เริ่มต้นวันละหน้า…สร้างนักอ่านตัวน้อยในทุกๆ วัน Read More »

ทำไม Slime ถึงเหมาะกับเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ

slime

Slime ของเล่นที่ทำเองได้ที่บ้าน Slime ไม่ใช่แค่ของเล่นเหนียวๆ สนุกมือ แต่ยังเป็นเครื่องมือเสริมพัฒนาการให้เด็กเล็กได้ดีมาก โดยเฉพาะในช่วงก่อนวัยเรียน เพราะ… กระตุ้นประสาทสัมผัส (Sensory Play) การขยำ ยืด บีบ slime ช่วยให้เด็กได้สัมผัสเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทสัมผัส (Tactile Stimulation) ฝึกกล้ามเนื้อมือและนิ้ว (Fine Motor Skills) การบีบ ปั้น ยืด slime ช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมือ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเขียนหนังสือในอนาคต สร้างสมาธิและผ่อนคลาย การเล่น slime มีจังหวะซ้ำๆ ช่วยให้เด็กเพลิดเพลิน ลดความตึงเครียด และมีสมาธิจดจ่อ เสริมความคิดสร้างสรรค์ เด็กสามารถใส่สี กลิตเตอร์ หรือของตกแต่งเล็กๆ ลงไปเพื่อสร้าง slime ในสไตล์ของตัวเอง เป็นกิจกรรมครอบครัว พ่อแม่สามารถทำ slime ร่วมกับลูก เป็นช่วงเวลาคุณภาพ (Quality Time) ที่ช่วยสร้างสายสัมพันธ์ วิธีทำ Slime ปลอดภัยสำหรับเด็กต่ำกว่า 5 ขวบ

ทำไม Slime ถึงเหมาะกับเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ Read More »

กีฬามาแรง ปี 2025 ที่น่าพาลูกไปเรียน

sports

3 กีฬาสุดฮิตที่ต้องลอง ปีนี้มีหลายกีฬาที่ทั้งสนุก ได้ออกกำลัง และช่วยเสริมทักษะรอบด้านให้กับเด็ก ๆ โดยเฉพาะ 3 ชนิดนี้ที่กำลังมาแรงและเหมาะกับการฝึกตั้งแต่วัยเยาว์ กอล์ฟ (Golf) เสริมสมาธิและความรับผิดชอบ: การเล่นกอล์ฟช่วยฝึกสมาธิ ความใจเย็น และการวางแผน เนื่องจากเด็กต้องคิดก่อนทำในทุกช็อต ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่มีค่าและสามารถสร้างบุคลิกในขณะเล่นกีฬาได้ต่อไป พัฒนากล้ามเนื้อและการประสานมือ–ตา: ช่วยเสริมทักษะการใช้กล้ามเนื้อส่วนบน และการประสานมือ–ตา เหมาะสำหรับเด็กที่ต้องการกีฬาที่ไม่ต้องปะทะ: และเล่นได้ตลอดชีวิต เทนนิส (Tennis) พัฒนาความคล่องตัวและความเร็ว: การเล่นเทนนิสช่วยฟื้นฟูสุขภาพและทำให้ร่างกายแข็งแรง โดยช่วยฝึกการออกตัวขณะวิ่ง การกระโดด และการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ฝึกการคิดวิเคราะห์สถานการณ์แบบฉับไว: เด็กต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วว่าจะตีลูกเมื่อไหร่และใช้ท่าไหน เช่น โฟร์แฮนด์ แบ็กแฮนด์ หรือวางตำแหน่งร่างกายอย่างไรให้เหมาะสม ซึ่งช่วยพัฒนาทักษะการคิด วิเคราะห์ และการแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล สร้างวินัยและความอดทน: ทั้งในสนามและนอกสนาม ธนู (Archery) เสริมสมาธิและความแม่นยำ: การเล่นธนูช่วยฝึกสมาธิและความแม่นยำอย่างมาก โดยเด็กต้องจดจ่อกับการเล็งและยิงลูกธนู ซึ่งเป็นการฝึกสมาธิที่มีประสิทธิภาพ ฝึกการควบคุมลมหายใจและจิตใจ: การยิงธนูต้องการการควบคุมลมหายใจและจิตใจให้มั่นคง ซึ่งช่วยพัฒนาอารมณ์และจิตใจของเด็ก สร้างความมั่นใจและความภาคภูมิใจ: เมื่อลูกยิงได้เป้าตรงจุด เคล็ดลับเลือกกีฬาสำหรับลูก ลองให้ลูกได้ทดลองหลายชนิดก่อนเลือก: เพื่อดูว่าลูกสนใจและถนัดกีฬาประเภทไหน ดูความชอบและบุคลิกของเด็กเป็นหลัก:

กีฬามาแรง ปี 2025 ที่น่าพาลูกไปเรียน Read More »

10 ศัพท์ภาษาญี่ปุ่นใช้บ่อย น่ารู้ จำไว้ใช้ได้ทุกวัน!

Japanese Vocab

ภาษารู้เอาไว้ได้เปรียบ อยากพูดญี่ปุ่นเก่งขึ้นไหม? เริ่มจากคำศัพท์ง่าย ๆ ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวันก่อน! 10 คำนี้จำไว้ ใช้ได้ทุกวันแน่นอน! やばい (yabai)  แปลตรงๆ ว่า “แย่แล้ว!” แต่ใช้ได้ทั้งดีและร้าย เช่น やばい!忘れた!(Yabai! Wasureta!) = แย่แล้ว ลืมไป! このラーメン、やばい!= ราเม็งนี่โคตรเด็ด! すごい (sugoi) = สุดยอด! เจ๋งมาก! ใช้ชมสิ่งต่างๆ ได้ทั่วไป เช่น すごいね!= โห เก่งจังเลย! かわいい (kawaii) = น่ารัก ใช้ได้ทั้งคน ของ สัตว์ หรือแม้แต่อาหาร! この猫、かわいい〜 = แมวตัวนี้น่ารักมาก ありがとう (arigatou) = ขอบคุณ ถ้าจะสุภาพขึ้นพูดว่า ありがとうございます (arigatou gozaimasu) ごめん (gomen) /

10 ศัพท์ภาษาญี่ปุ่นใช้บ่อย น่ารู้ จำไว้ใช้ได้ทุกวัน! Read More »

คลาสกีฬาในยุคใหม่ ไม่ได้ฝึกแค่ “ร่างกาย” แต่ฝึก “สมอง”

modern sports

รู้จักตัวเองลึกขึ้นกว่าที่เคยผ่านกีฬา ในอดีต เวลาเราพูดถึง “การเรียนกีฬา” ภาพในหัวคือฝึกวิ่ง ฝึกกล้าม ซ้อมซ้ำๆ ใช้แรง ใช้กำลัง แต่ในยุคใหม่ วิธีฝึกนักกีฬาเปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง! “การตัดสินใจไว” สำคัญพอๆ กับ “ความเร็วขา” ❝ นักกีฬายุคใหม่ถูกฝึกสมองให้ “ตัดสินใจแบบ Split-second” โดยใช้เกมจำลอง (Simulation) หรือ VR เพื่อฝึกการรับรู้สถานการณ์เร็วกว่าเดิม ❞ เช่น นักฟุตบอลไม่ได้ซ้อมแค่เตะ แต่ต้องฝึกมองสนามไว คิดล่วงหน้า 2–3 จังหวะ ฝึก “สมองกล้ามเนื้อ” (Neuroplasticity Training) นักกีฬาหลายประเภทเริ่มใช้ Brain Training เช่น การฝึกสมาธิ การสแกนสมอง การใช้คลื่นสมองช่วยให้เรียนรู้ท่าทางเร็วขึ้น การศึกษาใหม่พบว่า การจินตนาการว่าตัวเองกำลังเล่น สามารถกระตุ้นสมองให้สร้างเส้นทางประสาท (neural pathway) เหมือนซ้อมจริง! “วิดีโอเกม” กลายเป็นอุปกรณ์ฝึกกีฬาจริง นักกีฬาอาชีพ เช่น NBA หรือ Formula

คลาสกีฬาในยุคใหม่ ไม่ได้ฝึกแค่ “ร่างกาย” แต่ฝึก “สมอง” Read More »

ลูกอยากเรียนเอง หรือเรียนเพราะเกรงใจ?

learning by choice or pressure

การเรียน…มาจากใจลูกจริงหรือแค่ตามใจพ่อแม่? วิธีสังเกตว่า “ลูกอยากเรียน” หรือ “แค่ตามใจ” ✅ ลูกพูดถึงวิชานั้นด้วยความตื่นเต้น ถ้าเขาพูดถึงครู สนุกกับเรื่องที่เรียน หรือเอามาเล่าให้ฟัง แสดงว่าเขามีแรงจูงใจภายในจริง ๆ ✅ ลูกอยากไปเรียนแม้ไม่มีใครบอก ถ้าลูกรู้ตัวว่าใกล้ถึงเวลาเรียน และเตรียมตัวเองอย่างมีความสุข นั่นคือสัญญาณว่าเขาอยากไปจริง ✅ ลูกกล้าบอกว่าไม่ชอบ ถ้ารู้สึกไม่ใช่ เด็กที่ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ มักกล้าพูดเมื่อรู้สึกว่าเรียนแล้วไม่สนุก ไม่เหมาะกับตัวเอง ❌ แต่ถ้าลูกเฉย ๆ เงียบ ๆ ไม่แสดงความเห็น อาจแปลว่าเขากำลัง “ยอมตาม” มากกว่า “เลือกเอง” แล้วจะทำอย่างไร ถ้าไม่แน่ใจว่าลูกอยากเรียนจริงไหม? 🔹 เริ่มจากการ “ฟัง” ถามลูกตรง ๆ ว่า “หนูคิดยังไงกับวิชานี้?” ไม่ใช่แค่ “อยากเรียนไหม?” เพราะคำตอบอาจแค่ “ก็ได้ค่ะ” 🔹 ลองให้ลูกเลือกเองสัก 1 วิชา วิชาไหนก็ได้ที่เขาอยากลอง สนับสนุนให้เขาได้ทดลอง แล้วค่อยดูผลลัพธ์จากความรู้สึกจริง 🔹 มีเวลาว่างให้ลูกได้พัก

ลูกอยากเรียนเอง หรือเรียนเพราะเกรงใจ? Read More »

พัฒนาการเด็กช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ: ทำยังไงให้เขารักเรียน?

teenager

วัยเปลี่ยนผ่านของลูก…เราจะปลูกฝังรักการเรียนได้อย่างไร? ช่วงอายุ 9-14 ปี คือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของเด็ก ไม่ใช่แค่เพราะร่างกายเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น แต่ยังเป็นวัยที่เริ่มตั้งคำถามกับโลก ค้นหาตัวตน และ…บางครั้งก็เริ่มเบื่อเรียน แต่ข่าวดีคือ เด็กทุกคนมี “แรงขับภายใน” ที่อยากรู้ อยากลอง และอยากเก่งในสิ่งที่ตัวเองสนใจ เราเพียงต้อง “จุดประกายให้ถูกที่” เท่านั้นเอง 5 วิธีจุดไฟให้เด็ก “รักการเรียน” อีกครั้ง สร้างพื้นที่ปลอดภัยในการเรียนรู้ ให้เด็กรู้ว่า “ผิดได้ เรียนรู้ได้ ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ” พ่อแม่หรือครูควรชมความพยายาม มากกว่าผลลัพธ์ เช่น “เห็นพยายามมากเลย แม่ภูมิใจนะ” “หนูคิดได้น่าสนใจมาก ลองต่อยอดดูไหม?” เชื่อมบทเรียนกับชีวิตจริง พาเขาเห็นว่าเรียนเพื่ออะไร เช่น คณิต = ใช้ซื้อของ คิดต้นทุน วิทย์ = เข้าใจร่างกาย สุขภา ภาษา = คุยกับคนต่างประเทศ ดูหนังรู้เรื่อง เปิดโอกาสให้เลือกเอง ให้เขาได้เลือกสิ่งที่เรียนเสริม เช่น คอร์สออนไลน์ กิจกรรม หรือโปรเจกต์ที่สนใจ

พัฒนาการเด็กช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ: ทำยังไงให้เขารักเรียน? Read More »

ไม่ใช่แค่เรียนพิเศษ แต่ต้องเรียนให้ตรงจุด!

tutoring

เรียนพิเศษ = ของจำเป็น? หรือแค่เสริมที่ไม่รู้ว่าเติมอะไรให้ลูกจริงๆ ในยุคที่พ่อแม่พร้อมทุ่มทุนเพื่ออนาคตลูก การเรียนพิเศษกลายเป็นเหมือน “ของจำเป็น” ประหนึ่งวิตามินเสริมที่ทุกบ้านต้องมี แต่คำถามคือ… เรากำลังเติมอะไรให้ลูกกันแน่? จากห้องเรียนสู่ห้องติว: เด็กวันนี้หยุดพักเมื่อไหร่? เด็กหลายคนเลิกเรียนบ่ายสาม ต่อด้วยเรียนพิเศษถึงหกโมง เย็นกลับบ้าน ทำการบ้าน แล้วนอน… ชีวิตวนลูปแบบนี้จนบางทีเราเองยังไม่ทันได้ถามลูกว่า “เหนื่อยไหม?” ความรู้ใช่ว่าจะเติมได้เรื่อยๆ แบบถังน้ำ ความเหนื่อยล้าทางอารมณ์ก็สำคัญไม่แพ้การเรียนรู้วิชาการ “เรียนเพื่อสอบ” แต่ลืม “เรียนเพื่อเข้าใจ” แม้คะแนนสอบอาจพุ่ง แต่เด็กบางคนกลับไม่เข้าใจว่าเรียนไปเพื่ออะไร การเรียนพิเศษที่เน้นโจทย์ซ้ำๆ อาจช่วยแก้ข้อสอบได้ แต่ไม่แน่เสมอไปว่าจะสร้าง “ความเข้าใจระยะยาว” ลองคิดดูว่า ถ้าเด็กทำโจทย์ได้ร้อยข้อ แต่ไม่รู้ว่าโจทย์นั้นใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริงอย่างไร เราอาจกำลังสร้างหุ่นยนต์จำสูตร มากกว่านักคิดที่มีเหตุผล ทักษะที่โลกใหม่ต้องการ ไม่ได้มีในแบบเรียนเสมอไป การสื่อสารดี การฟังคนอื่นเป็น การทำงานเป็นทีม การตั้งคำถามที่ดี และการอยู่กับตัวเองอย่างมีสติ… ทักษะเหล่านี้คือ “soft skills” ที่ AI แย่งงานไม่ได้ และแม้จะดูเล็กน้อย แต่มันคือสิ่งที่ระบบการศึกษายังไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร การเรียนพิเศษควร “พิเศษ” จริงๆ หรือไม่?

ไม่ใช่แค่เรียนพิเศษ แต่ต้องเรียนให้ตรงจุด! Read More »

สื่อแบบไหนที่เด็กควรหลีกเลี่ยง?

media

เมื่อสื่อ มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมและพัฒนาการของเด็ก “สื่อ” มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมและพัฒนาการของเด็กมาก โดยเฉพาะในยุคที่เด็กเข้าถึงสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และอินเทอร์เน็ตได้ง่าย แล้วสื่อแบบไหนที่เด็กควรหลีกเลี่ยง สื่อที่มีความรุนแรง เช่น เกมที่มีความรุนแรงเกินไป หรือคลิปที่มีฉากตีกัน ยิงกัน ระเบิด เลือดสาด ❌ ผลกระทบ: เด็กอาจซึมซับพฤติกรรมก้าวร้าว คิดว่าความรุนแรงคือวิธีแก้ปัญหา สื่อที่ส่งเสริมพฤติกรรมเสี่ยง เช่น คอนเทนต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการใช้สารเสพติด การพนัน การขับรถซิ่ง ❌ เด็กอาจเลียนแบบโดยไม่แยกแยะผิดถูกได้ชัดเจน สื่อที่แฝงเนื้อหาทางเพศมากเกินควร เช่น การแต่งตัวที่เกินงาม คลิปเต้นยั่วยวน หรือเนื้อหาล่อแหลมเกินควร ❌ ทำให้เด็กโตไวกว่าที่ควร รู้เท่าไม่ถึงการณ์เรื่องเพศ และอาจโดนล่อลวงได้ง่าย (ในกรณีที่เด็กมีอายุน้อยเกินไป) สื่อที่มีภาษาหยาบคาย ดูหมิ่น หรือบูลลี่ เช่น คอนเทนต์ที่ชอบแซะ ด่าคน ตลกแบบเสียดสีรุนแรง ❌ เด็กอาจซึมซับภาษาหรือทัศนคติแย่ๆ ไปใช้กับเพื่อน ครอบครัว หรือในสังคม สื่อที่เน้นรูปลักษณ์ภายนอกมากเกินไป เช่น คอนเทนต์ที่ยึดติดกับความผอม ขาว สวย หล่อ เป็นบิวตี้ฟิลเตอร์ตลอดเวลา

สื่อแบบไหนที่เด็กควรหลีกเลี่ยง? Read More »

เด็กๆ ควรเรียนรู้ไหม ภาษาในอาเซียน?

asean language

ภาษา เชื่อมโยงความสัมพันธ์ ควรค่ะ! เด็กๆ ควรเรียนรู้ภาษาในอาเซียนด้วยหลายเหตุผลที่สำคัญ ดังนี้: ✅ เหตุผลที่ควรเรียนรู้ภาษาในอาเซียน เพิ่มโอกาสในอนาคต ภาษาเป็นกุญแจสำคัญในการสื่อสารและสร้างความเข้าใจร่วมกัน เด็กที่พูดได้หลายภาษา มีโอกาสทางการศึกษาหรือการทำงานในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น เตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ประเทศในอาเซียนมีการติดต่อกันมากขึ้น ทั้งทางเศรษฐกิจ การศึกษา และวัฒนธรรม การสื่อสารข้ามชาติจะกลายเป็นเรื่องปกติในอนาคต เรียนรู้วัฒนธรรมและความหลากหลาย การเรียนภาษา คือการเปิดประตูสู่การเข้าใจวัฒนธรรม วิถีชีวิต และมุมมองของเพื่อนบ้าน ช่วยสร้างความเคารพในความแตกต่าง ลดอคติ และส่งเสริมสันติภาพ ฝึกทักษะสมอง การเรียนหลายภาษาเสริมสร้างพัฒนาการทางสมอง ความจำ และความคิดสร้างสรรค์ ช่วยให้เด็กมีทักษะในการเรียนรู้สิ่งใหม่ได้เร็วขึ้น เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เด็กที่พูดได้หลายภาษา มีแนวโน้มจะเป็นสะพาเชื่อมวัฒนธรรม และมีบทบาทในเวทีนานาชาติในอนาคต ภาษาในอาเซียนที่นิยมเรียนกัน เช่น: อังกฤษ (ภาษากลางในอาเซียน) มาเลย์ / อินโดนีเซีย เวียดนาม พม่า เขมร จีน (แม้ไม่ใช่อาเซียน แต่มีอิทธิพลมาก) สนใจเรียนวิชาการ ภาษา ศิลปะ ดนตรี กีฬา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 089-6792835

เด็กๆ ควรเรียนรู้ไหม ภาษาในอาเซียน? Read More »