ค่านิยมที่เปลี่ยนไปเมื่อเด็กเลือกเรียนดนตรีและศิลปะ
ดนตรีและศิลปะ กับค่านิยมที่เปลี่ยนไป ดนตรีและศิลปะ ไม่ใช่แค่เรื่องที่เป็นนามธรรมและเข้าถึงได้ยาก แต่ทั้งสองสิ่งนี้ต่างก็เปรียบเสมือนผลงานจากจิตวิญญาณที่จะหล่อหลอมและขัดเกลาทัศนคติรวมทั้งมุมมองในการใช้ชีวิตต่าง ๆ ให้มีมิติมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ตาม เดิมทีสำหรับเด็กที่มีความสนใจอยากจะเริ่มต้นในการเรียนดนตรีหรือศิลปะนั้น อาจจะถูกมองว่าเพื่อเป็นการสนับสนุนหรือสร้างพัฒนาการที่จะเป็นประโยชน์ทางสายอาชีพในอนาคต หรือเพื่อฝึกความเป็นศิลปินตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้และเข้าใจทั้งศาสตร์และศิลป์ของทักษะนั้น ๆ อย่างลึกซึ้ง แต่ในปัจจุบันการเรียนดนตรีหรือศิลปะ ไม่ได้ยกระดับเฉพาะความสามารถในศาสตร์ด้านใดด้านหนึ่ง หรือเรียนเพื่อเป็นการปูทางในสายอาชีพเพียงเท่านั้น แต่ยังทำให้องค์ความรู้และทักษะความคิดในหลายด้านของเด็ก ๆ สามารถพัฒนาและได้รับการฝึกฝนให้เติบโตไปได้อย่างดียิ่งขึ้นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ สุขภาพทางอารมณ์ที่ดี ตลอดจนการเข้าใจในแนวคิดหรือหลักการบางอย่างที่หาไม่ได้จากการอ่านหนังสือภายในห้องเรียน และไม่เพียงเท่านั้นการส่งเสริมให้เด็กได้ใช้เวลากับการเรียนดนตรีหรือศิลปะ ก็นับได้ว่าเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ไปพร้อม ๆ กับสามารถเรียนรู้สกิล เป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้ความคิด และแสดงออกผ่านเสียงดนตรีหรือผลงานศิลปะได้อย่างสร้างสรรค์ ดังนั้นดนตรีและศิลปะจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้เด็ก ๆ มีพัฒนาการทางด้านความคิด ส่งเสริมความกล้าแสดงออก และมีความมั่นใจในตนเองมากขึ้นด้วยการเรียนดนตรีหรือศิลปะตั้งแต่อายุยังน้อยได้ด้วยนั่นเอง และค่านิยมที่ว่า “เรียนดนตรี โตไปต้องไปทำอาชีพเต้นกิน รำกิน” หรือ “เรียนศิลปะ ต้องไปเป็นศิลปินไส้แห้ง” จะค่อย ๆ เลือนหายไป เพราะในปัจจุบันมีเหล่าศิลปินมากมายที่พิสูจน์ได้แล้วว่า พวกเขาสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่มีมูลค่ามหาศาลได้อย่างเหลือเชื่อ และเชื่อว่าทุกคนก็สามารถทำได้เช่นกัน สนใจเรียนวิชาการ ภาษา ศิลปะ ดนตรี กีฬา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ …
ค่านิยมที่เปลี่ยนไปเมื่อเด็กเลือกเรียนดนตรีและศิลปะ Read More »