Music

ค่านิยมที่เปลี่ยนไปเมื่อเด็กเลือกเรียนดนตรีและศิลปะ

trends of music and arts

ดนตรีและศิลปะ กับค่านิยมที่เปลี่ยนไป ดนตรีและศิลปะ ไม่ใช่แค่เรื่องที่เป็นนามธรรมและเข้าถึงได้ยาก แต่ทั้งสองสิ่งนี้ต่างก็เปรียบเสมือนผลงานจากจิตวิญญาณที่จะหล่อหลอมและขัดเกลาทัศนคติรวมทั้งมุมมองในการใช้ชีวิตต่าง ๆ ให้มีมิติมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ตาม เดิมทีสำหรับเด็กที่มีความสนใจอยากจะเริ่มต้นในการเรียนดนตรีหรือศิลปะนั้น อาจจะถูกมองว่าเพื่อเป็นการสนับสนุนหรือสร้างพัฒนาการที่จะเป็นประโยชน์ทางสายอาชีพในอนาคต หรือเพื่อฝึกความเป็นศิลปินตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้และเข้าใจทั้งศาสตร์และศิลป์ของทักษะนั้น ๆ อย่างลึกซึ้ง แต่ในปัจจุบันการเรียนดนตรีหรือศิลปะ ไม่ได้ยกระดับเฉพาะความสามารถในศาสตร์ด้านใดด้านหนึ่ง หรือเรียนเพื่อเป็นการปูทางในสายอาชีพเพียงเท่านั้น แต่ยังทำให้องค์ความรู้และทักษะความคิดในหลายด้านของเด็ก ๆ สามารถพัฒนาและได้รับการฝึกฝนให้เติบโตไปได้อย่างดียิ่งขึ้นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ สุขภาพทางอารมณ์ที่ดี ตลอดจนการเข้าใจในแนวคิดหรือหลักการบางอย่างที่หาไม่ได้จากการอ่านหนังสือภายในห้องเรียน และไม่เพียงเท่านั้นการส่งเสริมให้เด็กได้ใช้เวลากับการเรียนดนตรีหรือศิลปะ ก็นับได้ว่าเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ไปพร้อม ๆ กับสามารถเรียนรู้สกิล เป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้ความคิด และแสดงออกผ่านเสียงดนตรีหรือผลงานศิลปะได้อย่างสร้างสรรค์ ดังนั้นดนตรีและศิลปะจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้เด็ก ๆ มีพัฒนาการทางด้านความคิด ส่งเสริมความกล้าแสดงออก และมีความมั่นใจในตนเองมากขึ้นด้วยการเรียนดนตรีหรือศิลปะตั้งแต่อายุยังน้อยได้ด้วยนั่นเอง และค่านิยมที่ว่า “เรียนดนตรี โตไปต้องไปทำอาชีพเต้นกิน รำกิน” หรือ “เรียนศิลปะ ต้องไปเป็นศิลปินไส้แห้ง” จะค่อย ๆ เลือนหายไป เพราะในปัจจุบันมีเหล่าศิลปินมากมายที่พิสูจน์ได้แล้วว่า พวกเขาสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่มีมูลค่ามหาศาลได้อย่างเหลือเชื่อ และเชื่อว่าทุกคนก็สามารถทำได้เช่นกัน สนใจเรียนวิชาการ ภาษา ศิลปะ ดนตรี กีฬา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ …

ค่านิยมที่เปลี่ยนไปเมื่อเด็กเลือกเรียนดนตรีและศิลปะ Read More »

ฝึกพัฒนาการสมอง ด้วยการทำสิ่งที่ไม่ถนัด

การทำงานของระบบร่างกายเรา ถูกสั่งการด้วยสมอง ทำอย่างไร เราจะสามารถฝึกฝนเพื่อพัฒนาสมองของเราได้บ้าง อย่างที่เกริ่นไปในตอนต้น การทำงานภายในระบบร่างกายของเรานั้นถูกสั่งการด้วยสมอง คนเรามักจะคุ้นชินกับการทำอะไรรูปแบบเดิมๆ โดยการทำในสิ่งที่เราถนัดนั้น สมองของเราจะถูกกระตุ้นเพียงข้างเดียว สมองและกล้ามเนื้ออีกข้างจะไม่แข็งแรงเท่าที่ควร เราควรจะต้องฝึกสมองทั้งสองข้างให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ  สมองซีกซ้าย เป็นส่วนของการตัดสินใจ การใช้เหตุผล ตรรกะ การคิดวิเคราะห์ การคำนวน ทักษะภาษา โดยควบคุมมือข้างขวา สมองซีกขวา เป็นส่วนของความคิดสร้างสรรค์ การใช้อารมณ์ สุนทรียศาสตร์ที่ประกอบไปด้วย ความสามารถด้านศิลปะ ดนตรี ความจำ โดยควบคุมมือข้างซ้าย เราสามารถลองเริ่มจากสิ่งง่ายๆ ใกล้ตัวที่เราสามารถเริ่มทำได้เป็นประจำ เพื่อฝึกสมองทั้งสองข้าง เช่น ฝึกการนับเลขถอยหลัง ฝึกการเขียน-วาดรูป โดยใช้มือข้างที่ไม่ถนัด ลองสลับมือจับช้อนส้อม และตะเกียบ การลองปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเดิมๆ ของตัวเอง ลดความจำเจ พยายามลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน ก็จะช่วยฝึกฝนสมองให้พัฒนาได้อย่างก้าวกระโดดมากยิ่งขึ้น เช่น หากเป็นคนที่ถนัดด้านวิชาการ ลองหากิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้ความคิดสร้างสรรค์ อย่างการเรียนศิลปะ ดนตรี จัดดอกไม้ เพิ่มเติม อาจลองทำกิจกรรมที่มีความท้าทาย เช่น เล่นกีฬา Extreme เป็นต้น …

ฝึกพัฒนาการสมอง ด้วยการทำสิ่งที่ไม่ถนัด Read More »

ลูกชอบเรียนวิชาไหน สังเกตได้อย่างไร?

เด็กแต่ละคนมีความชอบและความถนัดที่แตกต่างกันออกไป แต่ถ้าหากผู้ปกครองทราบว่าลูกของเรามีความชอบในด้านใดเป็นพิเศษ ก็จะสามารถช่วยส่งเสริมทักษะในด้านนั้นให้โดดเด่นมากขึ้นไปได้อีก แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าวิชาไหน เป็นวิชาที่ลูกชอบ วิธีสังเกตในเบื้องต้น สามารถดูได้จากคะแนนผลการเรียน วิชาไหนที่ทำคะแนนได้ดี ก็มีแนวโน้มที่ลูกจะชอบวิชานั้น ลองสังเกตในช่วงเวลาที่ทำการบ้าน ว่าลูกเลือกทำรายวิชาไหนเป็นพิเศษ และสังเกตเพิ่มว่าเขามีท่าทีในการแสดงออกกับแต่ละวิชาอย่างไร หรือลองสอบถามโดยตรงว่าชอบวิชาไหนบ้าง และไม่ชอบวิชาไหนบ้าง อีกวิธีที่สามารถใช้ในการสังเกต อาจลองพาลูกไปลงคอร์สกิจกรรม หรือเล่นกิจกรรมที่ส่งเสริมทักษะวิชาต่างๆ เช่น ฝึกเล่นเกมในแอปสอนภาษา คำนวณตัวเลข ต่อเลโก้ ทดลองวิทยาศาสตร์ วาดภาพ ระบายสี หรือเล่นดนตรีแบบง่ายๆ หรือลองสนับสนุนให้ลูกๆ ทดลองเรียนคอร์สหลากหลายวิชา ทั้งในด้านวิชาการ และด้านอื่นๆ อย่างเช่น คอร์สเรียนภาษา คอร์สเรียนคณิตคำนวน คอร์สกีฬา หรือคอร์สเรียนดนตรีที่หลากหลาย เช่น เปียโน กลอง ไวโอลิน บัลเล่ต์ ร้องเพลง  เมื่อทราบแล้ว ก็ควรพยายามส่งเสริมลูกให้ได้เร็วที่สุด เพื่อฝึกฝนทักษะตั้งแต่วัยเด็ก ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้ค้นพบศักยภาพใหม่ๆ เพิ่มอีก อย่างไรก็ตามเราก็ไม่ควรยัดเยียดหรืออัดแน่นวิชานั้นๆ ให้กับลูกมากจนเกินไป เพราะอาจส่งผลตรงกันข้ามได้ จากที่ลูกชอบจะกลายเป็นรู้สึกเบื่อหน่ายแทน THAILAND COURSE HUB เรามีคอร์สเรียนที่หลากหลาย ช่วยเสริมทักษะ และค้นหาตัวตนของลูก …

ลูกชอบเรียนวิชาไหน สังเกตได้อย่างไร? Read More »

ข้อดีของการเรียนพิเศษแบบตัวต่อตัว

ในยุคปัจจุบันการเรียนพิเศษแบบตัวต่อตัว ถือเป็นวิธีที่ได้ผลรวดเร็วมากที่สุด การเรียนคนเดียวมีความแตกต่างจากการเรียนเป็นกลุ่มใหญ่อย่างมาก โดยเราจะมาพูดถึงในส่วนของเรียนพิเศษแบบตัวต่อตัวกันค่ะ ว่ามีข้อดีอย่างไรบ้าง การเรียนแบบตัวต่อตัว หรือ Private Lesson นั้น สามารถเลือกกำหนดเวลาเรียนและสถานที่เองได้ ปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ ทำให้สามารถบริหารจัดการเวลาและได้เรียนในสภาพแวดล้อมที่ถูกใจ สถานที่โล่งโปร่งสบาย ไม่ต้องแออัดกับคนจำนวนมาก ทำให้ผู้เรียนมีสมาธิ จดจ่อกับบทเรียนได้ดียิ่งขึ้น การเรียนแบบตัวต่อตัว จะทำให้นักเรียนรู้สึกสบายใจไม่ต้องคอยกังวล เพราะสามารถซักถามกับครูได้ตลอดเวลา เมื่อไม่เข้าใจบทเรียน คุณครูก็สามารถเอาใจใส่กับผู้เรียนได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการเรียนพิเศษในวิชาเฉพาะทาง ที่ไม่ได้มีการสอนทั่วไปในห้องเรียน หรือผู้เรียนที่มีพื้นฐานอ่อนมากๆ การเรียนแบบตัวต่อตัว จะยิ่งทำให้เข้าใจในสิ่งที่เรียนได้ง่ายมากกว่า เพราะคุณครูจะสอนจนกว่าผู้เรียนจะเข้าใจนั่นเอง การเรียนพิเศษนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ที่ต้องใช้การตัดสินใจอย่างดีที่สุด เพราะเป็นการลงทุนเพิ่มเติมนอกเหนือจากหลักสูตรการเรียนปกติ ควรเลือกเรียนในรูปแบบที่เป็นประโยชน์ต่อตัวผู้เรียนและได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่สุด THAILAND COURSE HUB เรามีทีมคุณครูผู้มากประสบการณ์ ด้านวิชาการและการสอน สามารถช่วยให้เด็กๆ สามารถเรียนได้อย่างมีความสุข มีประสิทธิภาพมากขึ้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 061-9542244 หรือ 089-6792835Line : @thailandcoursehub  Class at home in Bangkok บทความที่น่าสนใจ 5 อาชีพ สร้างเงินหลักแสน ใช้ภาษาเป็นใบเบิกทาง admin …

ข้อดีของการเรียนพิเศษแบบตัวต่อตัว Read More »

5 วิธีช่วยให้ลูกอยากเรียนหนังสือ

คุณพ่อคุณแม่หลายๆ ท่านคงเคยประสบปัญหา ลูกงอแง ไม่อยากไปโรงเรียน เรียนหนังสือ บทนี้เราจะมาดูวิธีการทำอย่างไรที่จะกระตุ้นให้ลูกๆ อยากเรียนหนังสือกันค่ะ 1) หา Idol ทางการเรียนให้กับลูกถ้าลูกๆ มีแบบอย่างที่น่าทำตาม พวกเขาก็จะมีแรงจูงใจในการเรียนมากขึ้น เช่น ลิซ่า Blackpink คนไทยที่ประสบความสำเร็จเมื่ออายุยังน้อย อยากเป็นแบบพี่เขาต้องตั้งใจเรียนนะ หรืออาจเป็นใครก็ตามที่เด็กๆ ชื่นชอบนั่นเองค่ะ 2) ให้รางวัลคุณพ่อคุณแม่อาจลองตั้งเงื่อนไข เพื่อชักจูงใจลูกๆ เช่น หากผลสอบคราวนี้ได้คะแนนดีขึ้น คุณพ่อคุณแม่จะให้รางวัลเป็นสิ่งที่เด็กๆ ชอบหรืออยากได้มากๆ เพื่อเป็นกำลังใจและเป็นเป้าหมายให้เด็กๆ 3) หาคุณครูอารมณ์ดีมาสอนเมื่อเด็กๆ ได้เรียนกับคุณครูที่มีเคมีเข้ากัน มีประสบการณ์และเทคนิคในการสอน สอนสนุก และสามารถสร้างเสียงหัวเราะได้ เด็กๆ ก็จะรู้สึกสนุก และอยากเรียนมากขึ้น 4) ให้คุณครูช่วยสรุปบทเรียนหลายครั้งการที่เด็กๆ ไม่อยากเรียน อาจเป็นเพราะบทเรียนนั้นยืดยาว น่าเบื่อ หรือเข้าใจยากเกินไป ลองหาคุณครูพิเศษที่ช่วยสรุปเป็นข้อง่ายๆ จะทำให้เด็กๆ เข้าใจได้เร็วมากขึ้นค่ะ 5) เรียนเสริมกับเพื่อนสนิทเหล่าผู้ปกครองอาจเพิ่มทักษะการเรียน โดยให้ลูกเรียนกับเพื่อนที่สนิทด้วย จะทำให้เด็กๆ มีเพื่อน มีแรงผลักดันในการช่วยกันเรียน และรู้สึกมีแรงใจในการเรียนมากขึ้นนั่นเองค่ะ THAILAND COURSE …

5 วิธีช่วยให้ลูกอยากเรียนหนังสือ Read More »

ใกล้ปิดเทอมแล้ว เรียนอะไรดี?

ใกล้ปิดเทอมแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่คงกำลังหากิจกรรมให้ลูกๆ ทำ เพื่อใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เรามีไอเดียการเรียนน่าสนใจมากมาย ที่จะเป็นประโยชน์กับเด็กๆ ในช่วงปิดเทอมนี้ มาดูกันค่ะ! 1) เรียนภาษาการเรียนภาษาอังกฤษ หรือภาษาที่ 3 ติดตัวไว้ ไม่ว่าจะเป็นภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี หรือภาษาอื่นๆ ยังไงก็มีประโยชน์ในอนาคตอย่างแน่นอนค่ะ เพราะมนุษย์เราต้องใช้ภาษาเป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารอยู่แล้ว อนาคตหากเดินทางไปต่างประเทศ หรือได้ทำงานกับชาวต่างชาติก็พกความมั่นใจไปเต็มร้อยเลยทีเดียว 2) เรียนดนตรีไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง เล่นกีต้าร์ เปียโน ไวโอลิน หรือกลอง ต่างเป็นอีกหนึ่งทักษะที่นอกจากจะเสริมสร้างสมอง พัฒนาบุคลิกภาพ ทำให้สมองผ่อนคลาย ยังสามารถนำไปประกอบอาชีพในอนาคตได้อีกด้วย 3) เรียนศิลปะเสพศิลป์ เพิ่มสุนทรียศาสตร์ ทำให้เด็กๆ มีความคิดสร้างสรรค์ คิดนอกกรอบ เกิดจินตนาการใหม่ๆ ทำให้เด็กๆ มีความเชื่อมั่นในตนเองยิ่งขึ้น  4) เรียนกีฬา การเล่นกีฬา ว่ายน้ำ แบดมินตัน เทนนิส กอล์ฟ หรือออกกำลังกายอื่นๆ นอกจากจะทำให้สุขภาพแข็งแรง ไม่ป่วยง่ายแล้ว ยังทำให้รู้สึกเพลิดเพลิน ผ่อนคลาย และฝึกสมาธิ 5) เรียนบัลเล่ต์บัลเล่ต์ หรือการเต้น …

ใกล้ปิดเทอมแล้ว เรียนอะไรดี? Read More »

ถ้าไม่รู้ว่าโตขึ้นอยากทำอาชีพอะไร จะหาตัวตนของตัวเองเจอได้ยังไง

คุณพ่อคุณแม่อาจเป็นกลุ้ม เมื่อเราอยากผลักดันให้เด็กๆ ได้ทำตามอาชีพในฝันของพวกเขา แต่เด็กๆ กลับไม่มีความฝัน หรือไม่รู้ว่า ตัวเองอยากเติบโตไปประกอบอาชีพอะไร? การที่เด็กๆ ไม่มีอาชีพในฝัน หรือไม่รู้ความชอบ ตัวตนของตัวเอง จะให้พ่อแม่เป็นผู้เลือกทางให้ ก็ดูจะเป็นการบีบบังคับฝืนใจลูกจนเกินไป แล้วอย่างนี้เราจะมีวิธีในการช่วยลูกค้นหาตัวตนของตัวเองอย่างไรได้บ้าง 1) ลองสังเกตจากกิจกรรมยามว่างของเด็กๆเมื่อเด็กๆ มีเวลาว่าง พวกเขามักจะทำสิ่งไหนเป็นประจำ นั่นอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความรักในสิ่งนั้น และสามารถนำไปต่อยอดเป็นอาชีพได้ อย่างเช่น ชอบวาดรูประบายสี อาจจะส่งเสริมให้เรียนศิลปะเพิ่มเติม ไม่แน่ว่า อนาคตอาจเติบโตไปเป็นศิลปิน จิตรกร นักออกแบบ กราฟิคดีไซเนอร์ได้ 2) สังเกตจากสิ่งที่ทำได้ดีอาจไม่ใช่สิ่งที่เด็กๆ บอกออกมาตรงๆ ว่าชอบ แต่เขามักจะทำสิ่งนั้นได้ดีเสมอ  เช่นสังเกตจากคะแนนสอบที่ทำได้ดีในวิชาภาษาอังกฤษ แสดงว่าเด็กๆ มีพัฒนาการที่ดีในด้านภาษา อาจลองส่งไปเข้าแคมป์ หรือคอร์สเรียนภาษาสั้นๆ ที่ต่างประเทศ เพื่อพัฒนาภาษาเพิ่มเติมได้ 3) สังเกตจากสิ่งที่เด็กๆ ร้องขอให้เราทำเช่น อาจจะขอให้เล่นสิ่งนี้ด้วย ชวนเราไปที่ไหน ขอสิ่งไหนเป็นรางวัล สิ่งเหล่านั้นอาจเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่สามารถจุดประกายความฝันของลูกๆ ได้ 4) ส่งเสริมให้เด็กๆ รักในการอ่านการอ่านหนังสือ เป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ช่วยเปิดโลกทัศน์ของเด็กๆ ให้กว้างขึ้น ค้นหาความสนใจของตนเอง …

ถ้าไม่รู้ว่าโตขึ้นอยากทำอาชีพอะไร จะหาตัวตนของตัวเองเจอได้ยังไง Read More »

ทำอย่างไรดี ลูกเรียนเก่งอยู่วิชาเดียว

พ่อแม่มักประสบกับปัญหา “ลูกเรียนเก่งวิชาเดียว” ซึ่งบางครั้ง ทำให้ผลการเรียน หรือเกรดเฉลี่ยโดยรวม อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ดีนัก แบบนี้ควรกังวลไหมนะ? สิ่งแรกที่ต้องตั้งคำถามก็คือ วิชาที่ลูกเรียนเก่งนั้น “เป็นวิชาที่ลูกชอบจริงๆ ไหม” และ “เรียนเก่งในระดับใด” ในกรณีที่ลูกชอบวิชานั้นจริง แต่ยังไม่ได้เก่งมากนัก หรือแม้จะโดดเด่นและเก่งกว่าคนอื่นจริง เราก็ควรผลักดันวิชานั้นเสริมเข้าไป พัฒนาให้ถึงขีดสุด เพื่อให้ลูกถนัดในด้านนั้นไปเลย เพราะด้วยใจรักแล้ว อาจสร้างเป็นอาชีพในอนาคตเลยก็ว่าได้ ในกรณีที่ลูกไม่ได้ชอบ หรือเพียงเกรดดีเมื่อเทียบกับวิชาอื่น คุณพ่อคุณแม่อาจต้องให้ลูกเรียนเสริมทักษะอื่นๆ เพื่อค้นหาสิ่งที่ลูกชอบต่อไป หรือให้ลูกเรียนรู้วิชาพื้นฐานหลายๆ อย่าง เพื่อปูเป็นแนวทางให้ลูกค้นหาเส้นทางชีวิตในอนาคตของตัวเองต่อไป ดังนั้น การเรียนเก่งวิชาเดียว ไม่ใช่ปัญหาที่ควรกังวลใจมากเกินไปนัก เพราะนั่นอาจถือเป็นข้อดีเลยก็ว่าได้ วิชานั้นอาจเป็นพรสวรรค์ของลูก ที่โดดเด่นฉายแววชัดออกมาจนไม่ต้องนั่งค้นหา อย่างไรก็ตาม การพูดคุยกับเด็กๆ สังเกตพฤติกรรม ความชอบความสนใจ อาจทำให้ผู้ปกครองเข้าใจ และช่วยผลักดัน ให้เด็กๆ ค้นพบเส้นทางในชีวิตมากขึ้นได้ เรียนกับ THAILAND COURSE HUB พร้อมด้วยทีมคุณครูผู้มากประสบการณ์ทั้งในด้านวิชาการ ดนตรี ภาษา และศิลปะ! สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ 061-9542244 หรือ 089-6792835Line : @thailandcoursehub  …

ทำอย่างไรดี ลูกเรียนเก่งอยู่วิชาเดียว Read More »

ครูมีผลต่อการเรียนจริงหรือไม่

หลายครั้งที่เราส่งเด็กๆ ไปเรียน ไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียน หรือโรงเรียนสอนพิเศษก็ตาม เราอาจไม่เคยทราบว่า ลูกเรียนกับใคร หรือครูคนนั้นเป็นอย่างไร รู้เพียงแค่ว่า ลูกอยากไปหรือไม่อยากไปเท่านั้น แล้วนั่นเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องรู้จริงๆ หรือ? คำถามเหล่านี้อาจเกิดขึ้นในใจของผู้ปกครองได้ ซึ่งความจริงแล้ว “คุณครูผู้สอน” ส่งผลต่อ “การเรียนรู้ของเด็ก” มากกว่าที่คุณคิด คุณครูมีหลากหลายประเภท หลายบุคลิก เช่นเดียวกับนักเรียน หากเราจับคู่เด็กกับคุณครูที่มีบุคลิกไปในทางเดียวกันหรือเข้ากันได้ แน่นอนว่าจะทำให้การเรียนรู้ของเด็กเป็นไปได้ด้วยดี เด็กจะเข้าใจในสิ่งที่คุณครูสื่อสารง่ายขึ้น รู้สึกถึงความเชื่อมโยงและสบายใจ เด็กๆ จะรู้สึกว่าการเรียนเป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินไป และทำให้เกิดกำลังใจมากยิ่งขึ้น หลายครั้งเด็กๆ ที่ชอบการเรียน ก็เกิดจากการพบเจอคุณครูที่มีประสบการณ์ สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามเด็ก เพื่อสร้างความสนุกและความเข้าใจให้กับเด็กได้ วันนี้เราอาจต้องเริ่มถามเด็กๆ แล้วล่ะว่า ครูผู้สอน เป็นอย่างไร อยากเรียนมากน้อยแค่ไหน เพราะเพียงสิ่งเล็กๆ ที่เรามองข้ามนี้ อาจทำให้เด็กมีความคิดต่อการเรียนเปลี่ยนไปเลยก็ได้ เรียนกับ THAILAND COURSE HUB พร้อมด้วยทีมคุณครูผู้มากประสบการณ์ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ 061-9542244 หรือ 089-6792835 Line : @thailandcoursehub  Class at home in …

ครูมีผลต่อการเรียนจริงหรือไม่ Read More »

รวม 5 ข้อดีและข้อเสียของการเรียนแบบ Home School เพื่อช่วยในการตัดสินใจ

เรียนแบบ Homeshooling หรือไปโรงเรียนดีกว่ากัน

สอนเอง เลือกวิชาให้ลูกเองดีกว่าไหม ? วันนี้เรารวม 5 ข้อดีและข้อเสียของการเรียนแบบ Home School เพื่อช่วยในการตัดสินใจให้กับคุณพ่อคุณแม่มาฝากกันค่ะ ^^ หากจะพูดถึงการเรียนการสอนทุกคนก็จะมีภาพในหัวว่า จะต้องส่งลูกไปเรียนตามโรงเรียนต่าง ๆ ให้คุณครูเป็นผู้สอน และเข้าเรียนตามเวลาที่สถานศึกษากำหนด แต่ในยุคสมัยนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะการศึกษาเปิดกว้างมากขึ้น ผู้เรียนไม่จำเป็นจะต้องเข้าไปเรียนในโรงเรียนแบบเดิมอีกต่อไป ซึ่งการเรียนในรูปแบบใหม่ที่เรากำลังจะพูดถึงนั่นก็คือ “Home School” ซึ่ง Home School คือการเรียนที่ผู้เรียนสามารถเรียนอยู่ที่บ้านได้ เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งทางการศึกษาที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่อยากดูแลลูกด้วยตัวเองหรือผู้เรียนที่ไม่ประสงค์เรียนในโรงเรียนแบบทั่ว ๆ ไป โดยรูปแบบการเรียน Home School จะเน้นที่ความสนใจของผู้เรียนเป็นหลัก อีกทั้งยังสามารถยืดหยุ่นในการเรียนได้สูงกว่าสถานศึกษาแบบปกติ การเรียน Home School นั้น เรียนได้ตั้งแต่อนุบาลไปจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งสามารถแบ่งได้ 2 แบบคือ เรียนแบบต้องการวุฒิการศึกษา และเรียนแบบไม่ต้องการวุฒิการศึกษา แต่ก่อนที่จะเลือกว่าจะให้ลูกเรียนแบบไหนผู้ปกครองก็ควรศึกษาถึงข้อดีข้อเสียของการเรียน Home School ว่ามีอะไรกันบ้างเพื่อใช้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ และวันนี้เราได้รวบรวมมาให้คุณแล้ว ไปดูกันเลย ! ข้อดีของการเรียนแบบ Home School 1. …

รวม 5 ข้อดีและข้อเสียของการเรียนแบบ Home School เพื่อช่วยในการตัดสินใจ Read More »